3. บรรจุภัณฑ์ที่กำหนดเองส่วนบุคคล

ด้วยกระแสการบริโภคส่วนบุคคลที่เพิ่มสูงขึ้น แบรนด์ต่างๆ จึงเริ่มให้บริการบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง ผู้บริโภคสามารถเลือกสี ลวดลาย และแม้แต่รูปทรงของบรรจุภัณฑ์ได้ตามความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความโดดเด่นและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์อย่าง Lancome และ Estée Lauder ได้เปิดตัวบริการปรับแต่งเฉพาะบุคคลทำให้ผู้บริโภคมีบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

4. การออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบมัลติฟังก์ชั่น

การออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบอเนกประสงค์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กล่องแป้งพร้อมกระจก แท่งลิปสติกพร้อมหัวแปรงในตัว และกล่องเครื่องสำอางพร้อมฟังก์ชันจัดเก็บ การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการทั้งด้านความสะดวกสบายและความสวยงามของผู้บริโภคอีกด้วย ในอนาคต การออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบอเนกประสงค์จะให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้มากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างความสวยงามและการใช้งานจริง

5. การออกแบบที่เรียบง่ายและน้อยชิ้น

ด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านสุนทรียศาสตร์ สไตล์การออกแบบที่เรียบง่ายและน้อยชิ้นได้กลายมาเป็นกระแสหลักของบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางดีไซน์มินิมอลเน้นย้ำถึงความหรูหราและคุณภาพ ผ่านเส้นสายที่เรียบง่ายและสีสันที่สะอาดตา สไตล์นี้ไม่เพียงแต่เหมาะกับแบรนด์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากตลาดระดับกลางอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมระดับไฮเอนด์หรือกระปุกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป ดีไซน์มินิมอลก็สามารถเพิ่มความรู้สึกหรูหราและทันสมัยให้กับผลิตภัณฑ์ได้